advertisement

ทุเรียน ราชาผลไม้ มากด้วยคุณประโยชน์

advertisement

         ทุเรียน ถือว่าเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อของไทย เป็นที่ต้องการทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครทั้งกลิ่น รสชาติที่อร่อย ซึ่งทุเรียนก็มีมากมายหลาหลายสายพันธ์ สามารถรับประทานได้ทั้งตอนสุกและตอนดิบโดยการนำมาแปรรูป วันนี้ kaijeaw.com จะพาทุกคนมารู้จักทุเรียนและประโยชน์ของทุเรียนกันค่ะ

ชื่อวิทยาศาสตร์ Durio zibethenus Linn.                                                                                                            ชื่อสามัญ                                                                                                                                                                – แฮลแลนด์ Docrian, Doorian, Strinkvrucht
          – อังกฤษ Durion, Civet-cat tree
          – ฝรั่งเศส Durione, Dourian, Dourian, Surian
          – เยอรมัน Durio, Durion, Zibethbaum

ชื่อวงศ์ BOMBACEACEAE

advertisement

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ใบ
         ทุเรียนเป็นไม้ยืนต้น ไม่มีการผลัดใบ ทรงพุ่มแผ่กว้าง อาจสูงถึง 20 ถึง 40 เมตรสำหรับต้นที่ปลูกมาจากเมล็ด ส่วนต้นที่ปลูกจากการเสียบยอดอาจสูงถึง 8 ถึง 12 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว ยาวประมาณ 8 ถึง 20 เซนติเมตร และกว้างประมาณ 4 ถึง 6 เซนติเมตร ลักษณะของใบมีลักษณะเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ชนิดใบกว้างแบบใบเลี้ยงเดียว ขนาดของใบกว้าง 2-3 นิ้ว ยาว 6-8 นิ้วปลายใบแหลม มีก้านใบสีน้ำตาลยาวประมาณ 1 นิ้ว บนใบสีเขียวแก่ถึงเขียวเข้ม ใต้ใบเป็นสีน้ำตาล เส้นใบทุเรียนสานกัน เป็นร่างแห

ราก
        ทุเรียนเป็นพันธุ์ไม้ที่มีรากหาอาหารกันตามผิวดินจนถึงระดับ 50 เซนติเมตร มีรากพิเศษที่เกิดจากบริเวณโคนต้นอยู่มากมายตามผิวดิน แตกออกมาลักษณะตีนตะขาบเรียกว่า”รากตะขาบ” รากแก้วของ ทุเรียนทำหน้าที่ยึดลำต้น ทุเรียนนนท์ส่วนใหญ่ ไม่มีรากแก้วเพราะปลูกจากกิ่งตอน แต่จะมีรากพิเศษแทนหรือรากแขนงที่ แตกจากรากพิเศษที่หยั่งลึกลงไปในดินทำหน้าที่คล้ายรากแก้วและสามารถหยั่งลึกไปถึงระดับน้ำใต้ดินได้ มีรากฝอยเป็น รากหาอาหาร ออกมาจากรากพิเศษที่ทำหน้าที่ดูดอาหารด้วย

ดอก
        ทุเรียนมีลักษณะคล้ายระฆัง มีส่วนของ ดอกครบถ้วนและเป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีรังไข่อยู่เหนือส่วนอื่นของดอกแต่ละ ดอกประกอบด้วย กลีบเลี้ยงอยู่ชั้นนอกสุดมีสีเขียวอมน้ำตาล หุ้มดอกไว้มิดชิดโดยไม่มีการแบ่งกลีบแต่เมื่อดอกใกล้แย้ม จึงแยกออกเป็นสองหรือสามกลีบ กลีบรองลักษณะคล้ายหม้อตาลโตนดอยู่ถัดเข้าไปจากกลีบเลี้ยง กลีบดอกสีขาวนวลมี 5กลีบ เกสรตัวผู้มี 5 ชุด ประกอบด้วยก้านเกสร5-8 อัน ทุเรียนมักออกดอกเป็นช่อๆหนึ่งมีตั้งแต่ 1-30 ดอก ดอกมักอยู่รวม กันเป็นพวงๆมี 1-8 ดอก

ผล
         ผลของทุเรียนมีเปลือกหนา มีหนามแหลมแข็งเป็นรูปปิรามิดตลอดผล ทรงของผลทุเรียนมีหลายรูปแบบแล้วแต่ชนิดพันธุ์ของทุเรียน เช่นพันธุ์กลม (ก้านยาว กระดุม) พันธุ์ก้นป้าน (หมอนทอง ทองย้อย) ฯลฯ ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10-20 เซนติเมตรความยาวอยู่ที่ลักษณะของทุเรียน เนื้อของทุเรียนมีสีจำปาหรือเนื้อสีเหลืองอ่อน ขึ้นอยู่กับสภาพของดินและพันธุ์ของทุเรียน

สรรพคุณของทุเรียน

ราก
- ช่วยแก้อาการท้องร่วง

ใบ

- ช่วยทำให้หนองแห้ง

- เป็นสมุนไพรใช้ขับพยาธิ

- มีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ดีซ่าน

ใบและราก

- สารสกัดจากใบและรากทุเรียนใช้เป็นยาแก้ไข้ได้ ด้วยการใช้น้ำจากใยวางบนศีรษะของผู้ป่วยจะช่วยลดไข้ดี

เนื้อทุเรียน

- มีโพแทสเซียมสูง ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรง

- มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ เนื้อทุเรียนมีกากใยอาหารสูงมากๆ ดีต่อระบบขับถ่าย กินแล้วช่วยระบายท้องได้ดี

- เนื้อทุเรียนมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบหลัก ทำให้ร้อน โดยความร้อนนี้จะช่วยแก้โรคผิวหนังได้ ทำให้ฝีหนองแห้งเร็ว และมีฤทธิ์ขับพยาธิ

- มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะทุเรียนพันธุ์หมอนทอง มีใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าทุเรียนพันธุ์อื่นๆ

- เนื้อทุเรียนดิบมีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

- ทุเรียนช่วยเผาผลาญ ทุเรียนเป็นผลไม้ที่กินแล้วทำให้ร่างกายเกิดความร้อน จึงเป็นผลไม้ที่ช่วยเผาผลาญได้

- ลดผมขาว ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีวิตามินบี 9 สูง ช่วยชะลอการเกิดผมหงอก ผมขาวได้

- ทุเรียนพันธุ์หมอนทองสามารถช่วยลดระดับไขมันหรือคอเลสเตอรอลได้ เพราะทุเรียนสายพันธุ์นี้มีสารโพลีฟีนอล (Pholyphenols) และมีเส้นใยที่ช่วยลดไขมันได้ แต่ว่าต้องรับประทานแค่ 1 พูต่อวัน (นพ.กฤษดา ศิรามพุช)

เปลือก

- คนสมัยก่อนนำเปลือกทุเรียนไปเผาแล้วบดเป็นผง นำมาผสมกับน้ำมันงาหรือน้ำมันมะพร้าว แล้วเอามาพอกที่คางจะทำให้คางทูมยุบลงได้

- เปลือกแข็งด้านนอกที่มีหนามแหลม เมื่อนำไปสับแช่ในน้ำปูนใส แล้วสามารถใช้สมานแผลได้ เอามาล้างแผลพุพอง แผลน้ำเหลืองเสียจะช่วยให้แผลหายเร็ว

- เปลือกทุเรียนเป็นยารักษาโรคตานซาง

advertisement

ประโยชน์ของทุเรียน

- เปลือกทุเรียน สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในรวมควันปลา และ ใช้ไล่ยุงหรือแมลงได้ด้วย อีกทั้งเปลือกสามารถนำมาผลิตทำเป็นกระดาษได้ กระดาษเปลือกทุเรียนมีเส้นใยเหนียวนุ่มและเหนียวกว่าเนื้อกระดาษสา โดยกระดาษเปลือกทุเรียนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง ทั้งในรูปของใช้เบ็ดเตล็ด ของประดับตกแต่ง นอกจากนี้เปลือกทุเรียนยังสามารถใช้เป็นพลังงานและ/หรือ เป็นปุ๋ยได้อีกด้วย

- เมล็ดทุเรียนสามารถรับประทานได้ โดยนำมาทำให้สุกด้วยวิธีการคั่ว การทอดในน้ำมันมะพร้าว หรือการนึ่ง โดยเนื้อในจะมีลักษณะคล้ายกับเผือกหรือมันเทศแต่เหนียวกว่า

- เนื้อทุเรียนนำมาทำเป็นอาหารได้ทั้งคาวและหวาน นำมาแปรรูปเป็นขนมหวานได้หลายชนิด เช่น ขนมไหว้พระจันทร์, ขนมปังสอดไส้, ไอศกรีม, มิลก์เช็ก, เค้ก, คาปูชิโน, ข้าวเหนียวทุเรียน,ทุเรียนแช่อิ่ม, ทุเรียนกวน, ทุเรียนทอดกรอบ, แยมทุเรียน ฯลฯ

- ดอกทุเรียน : นำไปทำห่อหมก แกงส้ม ห่อขนมจีบได้

ผู้ป่วยโรคต่อไปนี้ ไม่ควรกินทุเรียน

- ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ไม่ควรกินทุเรียนมากเนื่องจากจะทำให้เกิดอาการแน่นท้อง

- ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรกินทุเรียน เพราะทุเรียนมีแป้งและน้ำตาลสูง

- ผู้ป่วยโรคไต ไม่ควรกินทุเรียนเนื่องจากในทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง

- ผู้ป่วยโรคเกาต์ไม่ควรกินทุเรียนที่สุกงอม หรือหวานจัดมากเกินไปเนื่องจากส่งผลต่อความดันเลือด

- ผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หากกินทุเรียนในปริมาณมากจะทำให้จุก แน่น หายใจติดขัด

- ผู้ป่วยโรคความดันสูง ไม่ควรกินทุเรียนมากเนื่องจากจะทำให้แน่นท้อง หายใจไม่ออกเช่นเดียวกับโรคหอบหืด

- ผู้ป่วยโรคหัวใจ ไม่ควรกินทุเรียนเนื่องจากในทุเรียนมีกำมะถันสูง

advertisement

ข้อควรระวัง

- ไม่ควรรับประทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาแฟ เพราะเป็นของร้อนทั้งคู่ การกินทุเรียนและแอลกอฮอล์พร้อมกัน จะมีผลทำให้เอนไซม์ aldehyde dehydrogenase ลดลง ซึ่งเอนไซม์ดังกล่าวมีหน้าที่เปลี่ยนสาร aldehyde ให้กลายเป็นสารอื่นแล้วถูกกำจัดออกจากร่างกายต่อไป (aldehyde เป็นสารพิษที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์เป็นพลังงาน) ส่งผลให้สาร aldehyde เกิดการสะสมในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียนนั่นเอง

         ว้าวว เราจะเห็นได้ว่าทุเรียนนั้นมีประโยชน์ไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมคะ แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทานได้นะคะ คนที่มีโรคประจำตัวบางโรคไม่สามารถทานได้เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ และไม่ควรที่จะทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์และกาแฟ ดังนั้นควรทานทุเรียนกันในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อจะได้ประโยชน์มากกว่าโทษนะคะ

เรียบเรียงโดย:Kaijeaw.com

https://www.tiktok.com/@moszwatchara/video/7089683003496041755

advertisement
advertisement