advertisement

กู้เงินซื้อบ้านอายุยังน้อยผิดเหรอ? หัวร้อนโดนพี่สาวขัดไม่ให้ซื้อ

ยุคสมัยเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนไป สมัยนี้การมีบ้าน มีรถยนต์ ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จอีกต่อไปแล้ว

advertisement

advertisement
       ยุคสมัยเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนไป สมัยนี้การมีบ้าน มีรถยนต์ ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จอีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่ตามมาคือ หนี้สิน หากไม่บริการจัดการทางการเงินให้ดี ก็อาจล้มเหลวได้ ยิ่งภาวะเศรษฐกิจในจปัจจุบันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงต้องคิดให้รอบคอบเป็นพิเศษ

       เช่นเดียวกับกรณีของหญิงสาวรายหนึ่ง เธอได้ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป "ซื้อบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อความมั่นคงในตัวเอง ถูกแล้วไม่ใช่เหรอคะ" พร้อมบอกเล่ารายละเอียดต่าง ๆ และปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่

ข้อมูลทั่วไปของน้องสาว

       เธออายุ 26 ปี เรียนจบชั้น ม.6 ตอนนี้ทำงานพนักงานบริษัทเอกชน เงินเดือน 14,000 บาท มีครอบครัวแล้ว โดยเธอและสามีทำงานที่ จ.นครราชสีมา สามีอายุ 33 ปี จบสายช่างมาเป็นพนักงานบริษัท ฐานเงินเดือน 16,000 บาท แต่ไม่รวมโอที ซึ่งเดือนหนึ่งตกอยู่ประมาณ 20,000 - 21,000 บาท และมีลูกสาว 1 คน อายุ 2 ขวบ ฝากให้แม่เลี้ยงที่ จ.นครศรีธรรมราช ช่วงเทศกาลจะกลับไปหาค่ะ

ความใฝ่ฝันวัยเด็ก

       ตั้งแต่เด็กฝันว่าอยากมีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างตั้งแต่อายุยังน้อย แก่ไปจะได้ไม่ต้องมีภาระเยอะ ตอนนี้มีรถ 1 คัน จะผ่อนหมดในปีนี้ บัตรเครดิต 6 ใบ ใช้จริง 2 ใบ ยอดรวมประมาณ 50,000 บาท

       ตอนนี้กู้บ้านราคา 2.7 ล้านบาท กู้ผ่านเรียบร้อยแล้ว ผ่อน 30 ปี ยอดต่องวดประมาณ 13,000 - 14,000 บาท ส่วนต่างที่กู้ได้ก็จะเอามาปิดรถกับบัตรเครดิต ซึ่งเรากำลังจะย้ายเข้าอยู่บ้าน

advertisement
พี่สาวอิจฉาหรือหวังดี

      พี่สาวยังไม่อยากให้มีบ้านเพราะต้องผ่อนระยะยาว ยังไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่น ๆ อีก พี่สาวแนะนำให้เช่าบ้านเหมือนเดิม รวมแล้วประมาณ 3,000 บาทต่อเดือนค่ะ และบอกให้เก็บเงินไว้ เดี๋ยวลูกก็เข้าเรียนแล้ว ถ้าพร้อมกว่านี้ค่อยกู้บ้าน เศรษฐกิจตอนนี้อะไรก็ไม่แน่นอน กลัวตกงานมาคนหนึ่งแล้วจะผ่อนไม่ไหว

      ส่วนพี่สาวยังเช่าบ้านอยู่ เพิ่งซื้อที่ดินเงินสด และกำลังเก็บเงินสร้างบ้าน พี่สาวบอกจะไม่มีการกู้เด็ดขาด ทำบ้านต้องเงินสด น้องสาวไม่อยากรอแล้ว กลัวราคาแพงขึ้น ราคาตอนนี้ถูกก็ควรคว้าไว้ก่อน และคิดว่าถ้าไม่รีบสร้างตอนอายุยังน้อย กลัวแก่จะไม่ไหว เป็นหนี้ตอนนี้ยังมีกำลังหา

      ยิ่งเป็นหนี้ก็ยิ่งมีแรงผลักดัน และตอนนี้น้องสาวเริ่มไม่โอเคกับพี่สาว วุ่นวายมาก เหมือนเขาอิจฉาหรือไม่ที่เรามีก่อนเขา แทนที่จะยินดีที่เรากู้บ้านได้ตั้งแต่อายุน้อย ญาติดีใจกันหมด มีแต่พี่สาวที่ไม่ค่อยเห็นด้วย

คำแนะนำจากพี่สาว

ให้เช่าบ้านเหมือนเดิม รวมแล้วประมาณ 3,000 บาทต่อเดือนค่ะ

การศึกษาของลูก พี่สาวชอบบ่นว่าคิดดี ๆ เรียนดี ๆ สำหรับเราเด็กเล็ก ๆ ไม่อยากให้เรียนเยอะ ปล่อยตามธรรมชาติ ไม่อยากกดดัน ขณะที่ลูกชาย 3 ขวบ ของพี่สาวส่งเรียนพิเศษแล้ว ห่างกับลูกเรา 1 ปี เรามองว่าจะไปกดดันเด็กทำไม พี่ก็จะบอกว่าปูพื้นฐานไว้

พี่สาวชอบให้คิดอะไรที่ยังมาไม่ถึง เช่น ถ้าใครตกงาน ใครตายจะทำยังไง น้องสาวรู้สึกไม่โอเคกับความคิดแบบนี้ เพราะยังมาไม่ถึง ไม่รู้จะคิดทำไม ถึงเวลาเดี๋ยวก็หาได้เอง คนอื่นชื่นชม แต่พี่สาว

พี่สาวเห็นกระทู้แล้ว ขอสวนคืนบ้าง..

          เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะล่าสุด (11 พฤษภาคม 2565) พี่สาวได้ตั้งกระทู้ตอบกลับเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมอีกเพียบ ทำให้ชาวเน็ตแบ่งออกเป็น 2 ทีม

          ไม่รู้ว่าตัวน้องสาวเองไปตั้งโพสต์แบบนี้หรือไม่ หรือแค่คนมีชีวิตคล้ายมาก อยากแนะนำในฐานะพี่สาวหรือเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งค่ะ ในฐานะพี่สาว เรารักครอบครัวและรักน้อง ไม่เคยคิดอิจฉาหรืออะไร แต่ที่ค้านคือ ข้อแบ่งเป็นข้อ ๆ ดังนี้...

          1. น้องสาวจบ ม.6 แล้วไปทำงาน พ่อแม่ไม่ได้มีฐานะ ตอนแรกน้องกู้ กยศ. เรียน แต่เรียนไม่จบ น้องทำงานรับผิดชอบตัวเองได้ เราเลยปล่อย มียืมเงินบ้าง แต่ไม่บ่อยมาก

          2. น้องสาวยื่นกู้ 6 สถาบันทางการเงิน ไม่ผ่าน 5 แห่ง ส่วนที่ผ่านยื่นผลกู้บ้านถึง3 เดือนกว่า ถ้าเครดิตดีจริงคงผ่านไปนานแล้ว ที่ให้เพราะอะไร ทำประกันคุ้มครองสินเชื่อเขาถึงยอมปล่อย

          3. บริษัทที่น้องทำงานไม่มีความมั่นคง บริษัทแฟนน้องก็ไม่มีความมั่นคง ช่วงโควิด 19 บริษัทลดนั่นลดนี่เยอะ บริษัทอยูป็นแบบครอบครัว ลาทียังลาลำบากเพราะไม่มีคนช่วย

          4. เรื่องลูก ตัวน้องคลอดเสร็จเอาลูกมาฝากไว้ที่บ้านแม่ ซึ่งบ้านไม่ได้อยู่ในเมือง ต้องขับไปเซเว่นต้องขับไปเถอะ 20 กิโลเมตร บ้านอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ตามคนชนบทคือ ตอนลูกน้องสาวป่วยเป็น RSV เด็กเล็ก วิ่งเข้าโรงพยาบาลรัฐ รอคิวนานเลยพาไปเอกชน

          สุดท้ายแอดมิดไม่ได้เพราะไม่มีเงินจ่ายให้ลูกนอน ต้องกลับมานอนรัฐบาล ทั้งที่เคยบอกแล้วว่าให้ทำประกันลูก แต่น้องไม่เคยฟัง โชคดีที่หลานไม่ได้เป็นหนัก ถ้าเป็นหนักคงตายไปแล้ว ตายเพราะพ่อแม่มันไม่มีความรับผิดชอบ ซื้อทุกอย่างได้ เว้นความปลอดภัยของลูกตัวเอง มีเงินไปเที่ยว ซื้อเสื้อผ้า ประกันลูก

          5. ความมั่นคงกับความคิดของน้อง การมีบ้านตราบใดที่เรายังผ่อนไม่หมด มันก็คือหนี้ ถึง เคยถามน้องว่าไหวไหม ๆ เพราะเงินเดือนน้องคนเดียวยังไม่รอด จะหวังพึ่งใคร ถ้าเกิดใช้เงินตัวเองผ่อน แล้วมีกินมีเหลือจะไม่ห้ามเลย แต่นี่ใช้ 2 คน แล้วเอาหัวเป็นประกันว่ายังไงต้องมีการรูดบัตรเครดิตแน่ ๆ อย่าบอกว่าเพื่อลูก ทั้งที่ตัวน้องไม่คิดจะเอาลูกมาเลี้ยงเลยด้วยซ้ำ
          
          6. ส่วนเรื่องให้ลูกเรียนพิเศษ พี่ให้เรียนเพราะเด็กมีความชอบ ถามลูกก่อนว่าอยากเรียนไหม ถ้าอยากก็ส่งเรียน เรื่องการศึกษาใครจะว่ายังไง พี่ก็ขอเน้นไว้ก่อน ผลสุดท้ายผลดีมันอยู่ที่ตัวเด็กเอง ขึ้นอยู่กับเด็ก

          7. เรื่องญาติ เป็นปัญหาคลาสสิคมากที่ญาติชอบโอ้อวด กลับกี่รอบพูดทุกรอบ แล้วมันมีดีกี่คน เอาแต่นั่นนี่มาอวด กู้อย่างนั้นอย่างนี้ ซื้อรถราคาแพง ๆ แล้วเขาได้บอกไหมว่ายืมเงินคนอื่นมาดาวน์ ถ้าคนมันแน่จริง ทำอะไรก็ทำให้ได้ด้วยตัวเอง ถ้าไปยืมคนอื่นมาเรียกไม่แน่จริง

          8. ราคาบ้าน ถ้าไปซื้อหลังเล็ก ๆ ที่ตอนแรกบอก พี่จะไม่ห้าม ราคา 1.2 ล้านบาท แต่ที่ไม่ซื้อเพราะหลังมันเล็ก บ้านติด ๆ กัน ส่วนหลังนี้บ้านเดี่ยว ใหญ่กว่า อยากได้หน้าได้ตา มีบ้านหลังใหญ่มันดูโอเคก็แล้วแต่น้องเลย พี่เงินเดือนกับแฟนรวมกัน 80,000 หมื่น พี่ยังไม่คิดจะกู้เลย ยอมปลูกบ้านเอาไว้ตามกำลัง แก่ไปมีเงินใช้ดีกว่า บ้านขอแค่ซุกหัวนอนก็พอแล้ว

ความคิดเห็นจากชาวเน็ต

advertisement

advertisement

       สุดท้าย ถ้าคิดว่าการผ่อนบ้านตอนอายุยังน้อยแล้วตัวเองเก่ง ตัวเองเท่ งั้นทำไปเลย แล้วจำไว้นะ เอาตัวเองให้รอด เอาให้มีกิน เอาให้มีความสามารถส่งลูกเรียนสูง ๆ และอยู่ให้รอด ตอนนี้อยากมีบ้าน มีนั่นมีนี่ คิดแค่ "ถ้า" ไม่อยู่ก็ขาย แล้วมันจะขายได้ไหม       

เรียบเรียงโดย : kaijeaw.com 

advertisement
advertisement